หนูน้อยตกน้ำไนแอการา
ส.คุปตาภา
โดย ลอเรนจ์ เอลเลียน รีดเดอร์ไดเจสต์ เม. ย. 2515
วันเสาร์ที่ 9กรกฎาคม ปี พ.ศ.2503 หลังเวลา 8.00น. เล็กน้อย จิม อันนี่คัตพึ่งจะออกเวรค่ำเอาในตอนเช้านี้ที่ไนแอการา ฟอลส์ โปรเจ็ค โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เขาไม่คิดอยากจะนอนเลยในยามเช้าฤดูร้อนที่สดใสอย่างนี้ และยังมีเรือยนต์ลำใหม่ผูกรออยู่ที่ท่าที่บ้านอีกด้วย
ฮันนี่คัตเป็นคนสุภาพเรียบร้อยอายุ 43ปี เมื่อมาทำงานที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้เขาทิ้งครอบครัวไว้ที่บ้านที่ราเล่ย์ รู้สึกว่า วันหยุดสุดสัปดาห์หนี้เขามักจะเหงา ดังนั้นหลังอาหารเช้าแล้วเขาจะรีบขับรถไปที่บ้านของ แฟรงก์ วูดเวิด ช่างไม้ลูกมือของเขา ขณะที่นั่งดื่มกาแฟก็นึกไปถึงลูกสาวของวูดเวิดที่ชื่อ เดอาน อายุ 17 ปี กับน้องชายวัยเจ็ดขวบของเธอว่าจะอยากไปเที่ยวเรือบ้างไหม
เดอานนั้นกลัวเสียงอึกทึกครึกโครมของน้ำ เพียงแต่เห็นมันหนเดียวเธอก็ไม่เต็มใจเสียแล้ว แต่น้องชายโรเยอร์ตัวน้อยนั้นเต้นแร้งเต้นกาด้วยความดีใจ ข้างแม่ของเธอก็เคี่ยวเข็ญลูกสาวว่า “ลูกจะไม่มีโอกาสไปว่ายน้ำลีช บ้านของคุณอาอีกแล้วนะ”ดังนั้น เดอานก็จำใจเปลี่ยนชุดอาบน้ำแล้วก็มากับฮันนี่คัตรวมเป็นสามคน
ฮันนี่คัตก็ปลดเรืออลูมิเนียมสีเขียวของเขาออกมาจากอู่ที่ลีช เนื่องด้วยความภูมิใจและความไม่ถนัดเขาก็พยายามที่จะเลี่ยงไม่เข้าไปใกล้เรือลำอื่น จนกระทั่งออกมากลางน้ำ เขาก็ส่งให้โรเจอร์ เด็กวัยเจ็ดขวบนั้นถือหางเสือ โรเยอร์ดีใจมาก ยิ้มกว้างขวางหน้าแดงราวกับเสื้อชูชีพที่สวมอยู่ แล้วก็เข้ากำกับหางเสือเรืออย่างทะมัดทะแมง
เดอานอยู่หัวเรือค่อยคลาดความกลัวลง เพราะเมื่อคุณฮันนี่คัตกล้าพอที่จะให้โรเจอร์ถือหางเสือเรือจะเป็นไรไปเล่าสำหรับตน เมื่อลอดสะพานเกาะแกรนด์ซึ่งเป็นประตูไปสู่น้ำตกด้านอเมริกัน เธอยังโบกมือให้กับบรรดารถที่แล่นอยู่บนสะพานเหนือหัวตน
จอน อาร์ เฮยส์ คนขับรถบรรทุกและเป็นตำรวจพิเศษจากสหภาพของนิวเยอซีเพิ่งจะข้ามสะพานนั้นไปก่อนหน้าสักหนึ่งชั่วโมง พาภรรยามาเที่ยวที่น้ำตกในวันสุดสัปดาห์ก็ลงมาถ่ายรูปน้ำตกเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ด้วย
เลยเที่ยงวันมาหน่อยเขาก็พากันเดินข้ามสะพานเดินไปที่เกาะแพะ (โกท ไอแลนด์)ซึ่งแยกแม่น้ำไนแอการาออกเป็นแก่งสองแก่งบนหน้าผาสูงชันตอนเหนือมองเห็นหน้าผาที่น่ากลัวซึ่งน้ำตกสองสายมารวมกันแล้วกระโจนลงไปในลำน้ำเดียวกันที่หน้าผานั้น ตามลำน้ำไปเข้าเห็นเรือมองเหมือนตุ๊กตาเรือลอยอยู่ในอ่างน้ำ เรือลำน้ำจอดลอยอยู่ใต้หน้าผาคานาเดียน
เรือลำนั้นเป็นหนึ่งในสองลำซึ่งผลัดกันเข้าไปในฮอสชู ใต้น้ำตกฮอสชูซึ่งมีกองหินใหญ่ๆเปียกชื้น มีละอองน้ำกระจายเป็นฝอย และเสียงสายน้ำดังอึกทึกครึกโครม บรรดานักท่องเที่ยวได้เผชิญหน้ากับความตระการอันมโหฬารพันลึกของธรรมชาติที่นี่
เดิมทีแม่น้ำไนแอการาเป็นร่องหรือแอ่งนี้แคบๆที่รองรับน้ำที่ท้นมาจากอเมริกาตอนเหนือกลางทวีป น้ำท้นนี้ท้นมาจากทะเลสาบเอรี่และอีกสามทะเลสาบใหญ่ทางทิศตะวันตก ทิ้งตัวลงมาทั้งหมด 326 ฟุต ในระยะทางยาว 36 ไมล์ ทิ้งน้ำลงมา วินาทีละ 823.650แกลลอน เหนือน้ำตกสูง 161ฟุต หมุนวนผ่านแก่งที่ลวงตาที่สุดในโลกว่ามันรุนแรงขนาดหนักก่อนจะลงสู่ทะเลสาบออนตาริโออันกว้างใหญ่ไพศาล
ความรุนแรงของมันเป็นที่ท้าทายพวกท้ามฤตยูอย่างน้อยเจ็ดรายการเหนือน้ำตกฮอสชู มีเพียงสี่รายเท่านั้นที่รอดชีวิตอยู่ การฆ่าตัวตายในน้ำตกได้พบจุดจบอย่างโหดร้ายทารุณ เมื่อร่างตกจากขอบน้ำตกมาแล้วจะหล่นไปบนหินข้างล่างซึ่งกระแสน้ำพุ่งรุนแรง ร่างกายแหลกเหลวแล้วก็จะมาโผล่ตรงที่เรียกกันว่า เมด ออฟ เดอ มิสท์ สี่วันต่อมา
จิม ฮันนี่คัต กลับมาถือหางเสือ ไม่กังวลกับขณะที่เรือลำเล็กของเขาตอนนี้ห่างออกมาจากท่าเรือสี่ไมล์แล้วและเหลืออีกไมล์เดียวก็จะถึงเหนือน้ำตก เรือลำน้อยแล่นกระโดดกระเดกเล่นคลื่นมาตามน้ำ เดอานตอนนั้นตกใจ เพราะตอนนี้ไม่ใช่แม่น้ำกว้างและเงียบสงบอย่างเมื่อตอนแรกที่มาเสียแล้ว มันเกรี้ยวกราดกระโดดกระเดกลงเขามาจนน้ำแตกกระจายกระทบหิน เสียงน้ำดังยังกับฟ้าร้องก้องหูของเธอทั้งสองข้าง
ตอนนั้นที่เกาะแพะ หรือเกาะโกทนั้นผู้นำเที่ยวกำลังอธิบายให้กลุ่มผู้มาเที่ยวฟังว่าถ้าพ้นจุดที่เขาชี้ให้ดูนั้นไม่มีสิ่งใดจะช่วยไม่ให้ตกลงไปในอ่างน้ำตกได้ ผู้มาเที่ยวคนหนึ่งร้องถามว่า “เรือนั้นเป็นอะไรไป”ผู้นำเที่ยวรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ แต่สายไปเสียแล้ว
เมื่อเกือบจะถึงเกาะโกทนั้น ฮันนี่คัตหันหัวเรือกลับ แต่เรือ 7 1 /2แรงม้าไม่อาจจะต้านแรงน้ำได้ มีเสียงครางของเครื่องยนต์ แล้วก็ดับ หมุนคว้างแล้วลอยลิ่วตามกระแสน้ำไป ฮันนี่คัตพยายามใช้พายช่วย แต่ก็ไม่สามารถจะคัดให้เรือหันลำกลับมาได้ เขาตะโกนบอกเดอานให้สวมเสื้อชูชีพเร็วเข้า แต่แต่นิ้วของเดอานแข็งเสียแล้วไม่สามารถจะปลดลูกไม้เสื้อออกจากกราบเรือได้ โรเยอร์เริ่มกลัว เขาผวาจะเข้าไปหาพี่สาว
“อย่า” เธอร้องห้าม กลัวว่าโรเยอร์จะยิ่งทำเรือคว่ำลง “อยู่ตรงนั้นแหละเรากำลังจะว่ายน้ำกลับไปที่ลีชเดี๋ยวนี้”
“ไม่ ไม่ เรากำลังจะจมน้ำตาย พี่เดอาน” เขากำลังนั่งลงร้องไห้อย่างเงียบๆตอนนี้เรือตกมาที่แก่งน้ำวน น้ำสีขาวแข็งกำลังจะทิ้งพวกเขาตกลงไปที่น้ำตก เรือกระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่ แล้วถูกเสียบคาอยู่ หัวเชิดสูง แตกลำตัวออก
“เกาะไว้” ฮันนี่คัตตะโกน แต่ไม่มีอะไรที่จะเกาะ ตัวเขาเองและโรเจอร์ถูกน้ำโยนข้ามหัวเดอานไป แล้วน้ำก็ซัดเธอเข้าอีก เดอานพยายามจะคว้าลำตัวเรือไว้ แต่มันก็หลุดมือเธอไป
ฮันนี่คัตพยายามจะคว้าแขนโรเจอร์ไว้เพื่อพยุงให้หัวพ้นน้ำ แต่กระแสน้ำเชี่ยวจัดก็ซัดแยกเอาเขาและเด็กออกจากกัน น้ำวนกระชากเอาโรเยอร์เข้าไปในแอ่งแล้วหมุนตัวเขาไปรอบๆ ทำให้โรเยอร์หลุดเหวี่ยงออกมาที่ขอบน้ำตกลอยคว้างอยู่กลางอากาศเหนืออ่างน้ำตก
จอน เฮย์ เห็นเรือคว่ำ ตอนนั้นเขาและภรรยากำลังเดินไปยัง เทอราพิน พ้อยท์ ซึ่งปลายทางรถไฟของเกาะโกท มองออกไปตรงปลายของน้ำตกเกือกม้า “ดูนั่น”เขาตะโกนแล้ววิ่งไปที่แม่น้ำ
ขณะที่เขาวิ่งนั้นเขาเห็นเดอานในเสื้อชูชีพสีแสดของเธอ เขารีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่ยืนดูอย่างตระหนักตกใจนั้นตรงไปยังจุดที่เห็นเธอ เขาได้ยินเสียงเธอร้องให้ช่วย จึงวิ่งไปที่รั้วกั้นริมน้ำ เกาะรั้วไว้ แล้วยื่นมือลงไปไกลที่สุดที่จะยิ่งไปได้
“เฮ้ หนู ว่ายน้ำมานี่ มานี่”
เด อาน เห็นเขา แต่สั่นหัว ไม่อาจจะขยับเขยื้อนได้
“พยายามหน่อย” เขาเรียก วิ่งตามน้ำลงไปอีกเพื่อให้ใกล้เธอมากที่สุด แล้วยื่นตัวข้ามรั้วออกไปอีกให้มากที่สุด “พยายาม”
กระแสน้ำกำลังพัดพาเธอไปจนเกือบจะถึงริมขอบน้ำตกอยู่แล้ว เฮยยื่นมือของเขาออกไปอีกและเดอานก็เกือบจะสิ้นแรงอยู่แล้ว ขาของเธอปวดเนื่องจากชนกับหินแรงๆ “ช่วยหนูด้วย” เธอวอน อีกไม่ถึงยี่สิบฟุตก็จะถึงเขตมฤตยูอยู่แล้ว
เฮย ปีนขึ้นไปบนรั้ว ยื่นมืออกไปอีก เขาเกาะรั้วไว้ข้างหนึ่งแล้ว หย่อนตัวเองจนสูงกว่าผิวน้ำเพียงฟุตเดียว “ต้องพยายาม หนู ต้องทำ” เขาร้อง
เสียงแหลมของเขากึกก้องเพิ่มพลังให้หนูน้อย เธอคว่ำหน้าลงกับน้ำ ฮึดถีบน้ำแรงๆอีกครั้ง และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เลยเกือบอยู่เหนือตัวเธออยู่แล้ว เธอโผอีกครั้งก่อนที่น้ำจะพัดเธอไป เฮยคว้าข้อมือเธอไว้ได้
ขาข้างหนึ่งของเฮยอยู่หลังรั้ว แต่น้ำหนักที่เดอานและน้ำหนักของน้ำที่ไหลแรงนั้นเกือบจะทำให้ทั้งคู่ตกลงไปในน้ำอีกแล้ว เขาเรียกขอความช่วยเหลือ ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนดูกระโดดข้ามรั้วก้มลงคว้าข้อมือเดอาน ทั้งสามห้อยแขวนอยู่พักหนึ่ง แล้วสองชายก็ช่วยกันดึงเธอขึ้นมาบนฝั่งได้สำเร็จ
เดอานห่างจากขอบน้ำตกเพียง 10 ฟุต ใกล้ที่สุดเท่าที่ปรากฏมา เพื่อเธอนอนหอบอยู่บนพื้นหญ้านั้นเธอยังร้องว่า “น้องชายหนูค่ะ ยังคงอยู่ในน้ำนั้น”
แต่ชายที่วิ่งเข้ามาช่วยเธอคนสุดท้ายนั้นเห็นโรเยอร์หล่นตกขอบหน้าผาลงอ่างน้ำตกไปแล้ว เขาพูดเบาๆว่า “สวดมนต์ให้น้องของหนูเถอะ”
เวลา 12.30 น. ของวันนั้น กัปตัน คลิฟฟอต คลิฟ ของเรือ เมด ออฟ เดอ มาต์ ที่2 แล่นเรือมาเกือบจะใต้น้ำตกฮอสซู และกำลังจะถึงจุดเลี้ยว สังเกตเห็น อะไรสีแดงลอยตุบป่องอยู่ข้างหน้า จึงเฉียดเรือเข้าไปด้วยความประหลาดใจ พอเห็นเขาตะโกนกรอกโทรศัพท์ในเรือไปที่เจ้าหน้าที่ยามฝั่งว่า “นี่คีช มีเด็กคนหนึ่งใส่เสื้อชูชีพพลอยอยู่แถวนี้ ผมตาฝาดหรือยังไงไม่รู้นะ แต่ผมว่ายังไม่ตาย”
แม้โรเยอร์จะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ เขาก็เป็นคนแรกที่ตกลงไปในอ่างน้ำตกในแอการาโดยไม่มีเครื่องป้องกันอย่างดี – ภัยต่อชีวิตของเขายังไม่ได้ผ่านไป เขาลอยเข้าไปใกล้ท่าเรือใหญ่ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำของออนตาริโอ อาจจะถูกดูดเข้าไปตามท่อส่งน้ำก็ได้
เรือตรงเข้าไปยังเคกจากทางเหนือน้ำ ใช้เครื่องยนต์กำลังกลับทั้งสอง เ ครื่องเพื่อจะต้านแรงกระแสน้ำ เมท เมอเรย ฮาตลิง และ แจค ฮอปคินส์ คอยโยนพวงมาลัยช่วยชีวิตไปยังเด็ก เมื่อมันสั้นไปก็กลายมาแล้วโยนใหม่อีกครั้ง พยายามโยนแล้วโยนอีกอยู่สามครั้งจนกระทั่งครั้งที่สามมันไปใกล้ขนาดช่วงแขนของเด็ก เขาจึงคลานขึ้นไปเกาะมันไว้ อีกครู่หนึ่งโรเยอร์ขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือได้ นอนหนาวสั่นสะท้านอยู่ใต้กองผ้าห่มที่กัปตันเอามาคลุมให้
“โปรดช่วยพี่สาวผมด้วยเถอะครับ เขากับคุณฮันนี่คัตตกน้ำด้วยกันกับผม” โรเยอร์วอนกัปตันและลูกเรือ
เรือยนต์กู้ภัยออกค้นหาอยู่ครึ่งชั่งโมง แต่คงพบเพียงถังกาซสำรองของเรือเท่านั้นคนที่ยืนอยู่บนเกาะโกทแลเห็นเด็ก ผู้ชายสรวมเสื้อชูชีพสีส้มถูกดึงขึ้นบนเรือ ร้องบอกกับเอแลนว่า “น้องของหนูไม่ตายดอก เขาช่วยไว้ได้แล้ว”
เด็กสาวหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย อุทานว่า “โอ ขอบคุณพระเจ้า”
โรเจอร์ถูกส่งโรงพยาบาลคานาเดียน ไม่ช้าพ่อแม่ของเขาก็มาเยี่ยมแล้วบอกข่าวว่าพี่สาวก็ได้รับการช่วยเหลือไว้ได้เช่นกัน เด็กสองพี่น้องไม่มีอันตรายใดๆนอกจากฟกช้ำดำเขียวบ้างเท่านั้น และออกจากโรงพยาบาลแล้ว
โรเยอร์ วูดเวิด รอดตายได้อย่างไร พวกนักชาวน้ำให้ความเห็นว่า เป็นเพราะตัวเบาลอยอยู่เหนือยอดระลอกคลื่น เมื่อถูกแรงน้ำเหวี่ยงตกจากขอบอ่างน้ำตกก็ไหลลื่นไปกับคลื่นเหมือนแล่นเลื่อนจึงไม่กระทบกับหินผาและใต้ท้องน้ำ แม้เขาจะตกลงมาสูงถึง 161 ฟุต และด้วยความเร็วประมาณ 75 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ชูชีพที่เขาสวมอยู่ทำให้เขาลอยมาบนผิวน้ำก่อนที่จะสิ้นสติ
แต่เจ้าน้ำตกมหาอำนาจนี้ไม่เคยจะปราณีผู้ใด วันที่ 13 กรกฎาคม ตรงกับวันพุธก็มีผู้พบศพ จิม ฮันนี่คัต ลอยอยู่มาที่ท่าเรือเมด ออฟ เดอ มิสต์ นับเป็นเวลาสี่วันเกือบจะเป็นเวลาเดียวกับเวลาที่เขาตาย